
จากบทความก่อนหน้าเกี่ยวกับ Fugashin Shoemaker ทำให้เราได้ทราบถึงรายละเอียดของแบรนด์พอสมควร ซึ่งบทความนี้จะมาวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดของรองเท้า
ตัวรองเท้าที่ทาง Shineable.co หยิบมาจะเป็นรุ่น Marton สไตล์ Penny Loafer รองเท้าแบบสวมที่ได้รับความนิยมมาก มาในรูปแบบของหนังกลับซูเอด สีน้ำตาลเข้ม เหมาะกับการแต่งตัวที่หลากหลาย

Packaging
ตัวรองเท้า Fugashin เมื่อซื้อที่ร้าน The Decorum จะได้รับถุงกระดาษสีเขียวที่มีหูหิ้วสีน้ำตาลของแบรนด์ The Decorum ซึ่งเป็นถุงที่ออกแบบมาได้หรูหราและใช้สีเขียวได้อย่างมีสไตล์มาก
ตัวกล่องรองเท้าเป็นกล่องกระดาษที่มีลักษณะเป็นสีเขียวสีกับแบรนด์ แต่จะพิมพ์ชื่อสีทองลงไปบนกล่อง ซึ่งสีทองบนสีเขียวนี้ก็ทำให้รองเท้าดู Luxury มากขึ้น
ภายในกล่องจะได้รับถุงผ้ากันฝุ่นสีดำ ที่มีการติด Tag หนังตีแบรนด์ลงไป ถุงผ้าเนื้อนิ่ม ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วย เหมาะสำหรับการใส่รองเท้าพกพาได้ครับ
โดยรวม Packaging ภายนอกทำออกมาได้ดีมาก ให้ความรู้สึกที่ดูหรูหรา เข้ากับรองเท้า Dress shoes ซึ่งเป็นสินค้าหลักได้เป็นอย่างดี
รูปแบบของรองเท้า (Style)

หุ่นรองเท้า (Last)
หุ่นของ Marton ได้รับการทำให้มีความเรียบร้อยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเซ็กซี่ออกไป โดยการคงลักษณะของรองเท้าที่มีความเอวคอด แต่ปลายเท้ามีความกลม
หุ่นในส่วนหน้าเท้าจะมีความมนและจิกลงพื้นในองศาที่กำลังดี ไม่ดูโฉบเฉี่ยวมาก แต่ก็ไม่กลมจนดูอ้วนจนเกินไป วิธีการออกแบบนี้จะทำให้รองเท้าดูไม่สั้นไม่ยาว เหมาะกับขากางเกงที่หลากหลาย
ส่วนเว้าส่วนโค้งถูกออกแบบมาให้เกาะหลังเท้า (Instep) ได้อย่างลงตัว แต่ส่วนปลายเท้ายังเหลือพื้นที่พอประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้บาดเจ็บจากการเดิน

ด้านหลังเท้า (Counter)
ความยอดเยี่ยมของรองเท้าคู่นี้คือการเลือกใส่ Heel cup ที่มีความเซ็กซี่ ฐานกว้าง แต่ด้านบนแคบ ส่งผลให้รองเท้ายังคงความเซ็กซี่เอาไว้ได้
นอกจากนี้ Heel cup แบบนี้ยังช่วยเกาะส่วนของหลังเท้าได้ดี ทำให้เราเดินแล้วรองเท้าไม่หลุดออกมาข้างนอกส้นเท้า ซึ่งมักเกิดจากรองเท้าที่ผลิตให้ชาวยุโรปใส่
ผลที่ได้คือ ไม่มีปัญหากับการ Sockless หรือใช้ถุงเท้าแบบซ่อน เพราะตัวรองเท้ามีความสามารถในการเกาะเท้าเป็นอย่างดี

หนักนอก (Upper)
Fugashin ขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้วัสดุจากโรงฟอกที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เพราะหนังแต่ละส่วนจะมาจากโรงฟอกที่มีความเชี่ยวชาญในการฟอกหนังแต่ละแบบ
หนังส่วน Upper เอามาจากโรงฟอก Annonay Tannery เป็นโรงฟอกที่มีชื่อเสียง ส่งหนังให้กับทางแบรนด์สินค้าแฟชั่นชื่อดังมากมาย จัดเป็นแหล่งที่มีที่มีความน่าสนใจ
เมื่อวิเคราะห์ที่ตัวหนังกลับจะพบว่า ลักษณะของขนจะไม่ยาวจนพาดไปพาดมา และไม่สั้นจนรู้สึกสากมือ เมื่อลูบสัมผัสจะให้ความรู้สึกที่เนียนและนุ่ม หมายถึงหนังได้รับการปรับผิวอย่างพอเหมาะ
เมื่อลูบไปสักระยะก็จะรู้สึกได้ว่ามือที่ลูบไม่ได้แห้งผาก หมายถึง หนังมีความชุ่มชื้นมาพอสมควร แสดงให้เห็นว่าหนังกลับได้รับการบำรุงก่อนส่งขาย
ความหนาของหนังอยู่ในลักษณะที่หนาพอสมควร ไม่ได้เกิดจากการเอาหนังเกรดต่ำมาปั่นจนบางเพื่อเก็บรอย แล้วขายเป็นหนังกลับ แต่เป็นหนังที่ตั้งใจเอามาทำหนังกลับโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ งาน Upper มีการทำ Top line ด้วยการเอาหนังอีกชิ้นมาเย็บเข้าไปตามขอบที่ชิดกับส่วนของด้านบน ทำให้สามารถเกาะกระชับเท้าได้ดีมาก
หน้ากาก Penny เองก็จะแยกชิ้นกับส่วนของ Apron ทำให้มีพื้นที่ให้ขยับได้บ้าง ไม่รัดเท้าแน่นจนเกินไป
ส่วนหนังพื้นนอก ทางร้านแจ้งว่ามาจากโรงฟอกที่อิตาลี ซึ่งมีความสวยงาม เนียนละเอียด มีความแข็งแรง เมื่อลองสวมแล้วเดิมก็รู้สึกได้ว่าไม่แข็งจนเกินไป
ซับใน (Lining)
ส่วนของซับในจะเป็นหนังวัวที่ฟอกให้เป็นสีอ่อน หนังมีกลิ่นที่ไม่เหม็น ความยืดหยุ่นของดีมาก และระบายอากาศได้ดี
หนังที่ยืดหยุ่นได้ดีจะลดการเกิดหนังแตก (Cracking) ภายในส่วนรอยพับที่มองไม่เห็นได้ ตามปกติแล้วเราจะต้องบำรุงหนังด้านในบ้างเพื่อป้องกันหนังแตก
เมื่อลองสวมจะให้ความรู้สึกที่มีความยืดหยุ่น แต่ไม่ได้นิ่มมากเท่าหนังแกะหรือหนังหมู ซึ่งมีลักษณะที่ฟูนุ่ม แต่หนังวัวนี่แหละ อายุการใช้งานเป็นหลักสิบปี

ซอฟใน (Insole)
ในส่วนของพื้นด้านใน Fugashin มีพื้น Insole ที่ให้ความรู้สึกที่แปลกกว่าแบรนด์อื่นเล็กน้อย ๆ
ส่วนของ Footbed จะเลเซอร์โลโก้เป็นสีเข้มจากรอยไหม้ ทำให้ดูเรียบง่าย ข้อดีคือจะเลือนหายยากมาก ตัวโลโก้สะอาดตา สมกับเป็นแบรนด์ลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่ตัวอักษรใช้แบบ Luxury Font
ส่วน Insole ที่สัมผัสเท้าจะมีความเป็นขน ๆ และมีฝุ่น ด้านใน หากคนที่ซื้อมาใส่ครั้งแรกแล้วไม่ได้เช็ดด้านในเลย ถุงเท้าจะเละแน่นอนครับ
แต่ผมแค่เอาผ้าเปียกเช็ดด้านในจนสะอาดและทิ้งไว้จนแห้งก็เรียบร้อยแล้วครับ
แต่ด้านในที่สัมผัสเท้าจะไม่ใช่หนังแข็ง แต่จะมีความเป็นขน ๆ สั้น ๆ อยู่ด้านใน หากใส่แบบไม่มีถุงเท้าเลยก็จะรู้สึกว่าซับเหงื่อมากจนเกิดกลิ่นอับได้ ผมแนะนำว่าใส่ถุงเท้าซ่อนจะดีที่สุด
แต่การออกแบบนี้แหละที่เป็นวิธีการที่มีชั้นเชิง เพราะว่ามันทำให้รองเท้ามันเกาะเท้าได้อย่างดีมาก ๆ ไม่มีเลื่อน ไม่มีหลุด สามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่วมาก

พื้นนอก (Outsole)
พื้นด้านนอกเป็นอีกจุดที่แบรนด์ทำออกมาได้อย่างดีมาก จากที่เราเห็นถึงแหล่งที่มาของวัสดุการผลิตที่น่าสนใจ ตัวพื้นนอกคู่นี้ได้รับการ Finishing มาอย่างดี
พื้นนอกของ Fugashin เป็นหนังฟอกฝาดสำหรับการทำพื้นโดยเฉพาะ มีการขัดและตกแต่งขอบให้เนียน ทั้งในส่วนของพื้น Outsole และ Top lift
ตัวพื้นได้รับการทำสีเป็นสีน้ำตาล จากนั้นก็ลง Wax ขัดเงาที่พื้นด้วยเครื่องขัด จนพื้นเนียนและเงาสะท้อนแสง โดยเฉพาะส่วนของเอวที่มี Bevel waist จะเห็นความเงาชัดเจนมาก
ส่วนแผ่นหนังตรงบริเวณส้น หรือ Top lift ก็ได้รับการทำสีและขัดเงาเช่นกัน ตรงแผ่นยางเป็นลักษณะ Dove tail คล้ายกับแบรนด์ Alden แต่ทำสีน้ำตาลด้วย
ภาพรวมของงานพื้นของรองเท้าคู่นี้เป็นระดับที่ดีมาก ๆ พื้น Open channel Goodyear-welted แต่ทำการเก็บงานได้ดีแม้กระทั้งส่วนร่องส้นเท้าที่ไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนเก็บงาน ก็เก็บจนเรียบเนียนไปหมด

การตัดเย็บ (Construction)
การตัดเย็บของรองเท้าคู่นี้ใช้เครื่องจักร เพราะมีการเดินด้ายอย่างสม่ำเสมอมากและไม่ถี่หรือห่างจนเกินไป เข้าโค้งได้อย่างลื่นไหล Goodyear Welted Construction ด้วยช่างที่มีฝีมือ โดยใช้วิธี Open channel
ตัวความแข็งแรงของการตัดเย็บเป็นอันรู้กันว่า แข็งแรง และซ่อมพื้นได้ง่าย มีร้านรับเปลี่ยนพื้นมากมาย
ด้วยความหนาของพื้นระดับนี้ คิดว่าคงใช้งานนานพอสมควรกว่าจะได้เปลี่ยนพื้นใหม่ การทำงานพื้นสวยขนาดนี้ทำให้ผมไม่เอาไปติด Half sole เพิ่ม เพราะของเดิมมันสวยมากจนเกินไป
แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องทำใจยอมรับ 14 วันแรกของการ Break-in รองเท้าให้มีความอ่อนตัวลง ใส่สบายมากขึ้น และท้ายที่สุด ความสวยงามของงานพื้นก็จะหายไปหลังจากเราเริ่มใช้งานรองเท้า

Sizing
ระบบไซส์ของ Fugashin มีความแตกต่างกันมาก อย่างคู่ที่ผมใส่อยู่คือ Marton ที่เป็นไซส์ 7.5 แต่ตามปกติข้อมูลเท้าของผม คือ 26 ซม. หน้าเท้าปกติ ใส่แบรนด์อื่น ๆ เป็น 8 UK 9 US 42 EU
แต่ถ้าเกิดเป็นรุ่น Tassel Loafer ผมจะต้องถอยลงเหลือ 7 เพราะว่าไม่มีการทำขอบ Top Line และไม่มีหน้ากาก Penny พาดอยู่นั่นเอง
ความเห็นส่วนตัว
ตัวรองเท้าคู่นี้จัดเป็นงานที่ดีมากเมื่อเทียบกับรองเท้าในระดับ Beginner level ที่ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งผมมองว่าทำออกมาดีกว่ารองเท้าระดับที่สูงกว่านี้บางแบรนด์ด้วยครับ
ทางร้านทำราคา 7,350 บาท ออกมาได้อย่างคุ้มค่า เพราะถ้าลองคำนวณต้นทุนจากวัสดุและการผลิตก็น่าจะแพงน่าดู
จากการวิเคราะห์ผมยังคงมองถึงคุณภาพวัสดุ การตัดเย็บ และการออกแบบจากรุ่นที่เห็นตรงหน้าเป็นหลัก ซึ่งจัดว่ารองเท้าคู่นี้ คุ้มเกินราคา แน่นอนครับ
ผมเองก็เชื่อว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้ไปลองจับของจริงก็จะเข้าใจมากขึ้นครับ

ช่องทางการจำหน่าย
The Decorum มีทั้งออนไลน์และหน้าร้านครับ

สนับสนุน Shineable.co
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจจะช่วยสนับสนุนค่าผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าให้กับผม สามารถบริจาคผ่านช่องทาง QR code นี้ได้เลยครับ
