
Bespoke Shoes คือการผลิตรองเท้าแบบ วัดตัดเฉพาะรายบุคคล ผลที่ได้จากการตัดแบบ Bespoke คือความพอดีของรองเท้าที่เข้ากับเท้าของเราแบบพอดีเป๊ะ ทำให้เราใส่รองเท้าได้อย่างพอดีมากที่สุด
บทความนี้จะมาอธิบายวิธีการวัดเท้าอย่างละเอียด โดยช่างตัดรองเท้า Bespoke Shoemaker แบรนด์ไทย Don’s Footwear ที่ทำรองเท้าทุกขั้นตอนด้วยมือทั้งหมด

สรุปขั้นตอนการวัดเท้า
- วัดรองเท้าด้วยสายวัดเพื่อดูขนาดของเท้า
- วัดส่วนสูงด้วย Engineer Scribe เพื่อดูจุดที่สูงที่สุด
- วัดความลึกผิวด้วย Profile Gauge
- วัดการลงน้ำหนักเท้าด้วย Pedigraph
- บันทึก Foot Profile สำหรับการทำหุ่นรองเท้า

การวัดสัดส่วนเท้า

การวัดส่วน Ball
เนื่องจากแค่ส่วนของการวัดขนาดด้วยสายวัด อาจจะไม่สามารถทำให้รองเท้าพอดีกับเท้าได้ เนื่องจากส่วนของเท้ามีความเว้าและโค้งแตกต่างกันในแต่ละคน ช่างจะต้องทำการวัดสัดส่วนให้ละเอียด
เริ่มต้นจากการวัดส่วน Ball หรือหน้าเท้า เพื่อดูความกว้างด้วยสายวัดให้ได้หน่วยเป็นเซนติเมตร หรือนิ้ว เพื่อให้เห็นความกว้างโดยรวมของเท้า
หลังจากที่วัดขนาดแล้ว จะต้องใช้เครื่องมือ ที่มีชื่อว่า Engineer Scribe คือ เครื่องวัดความสูงที่มีลักษณะเป็นโลหะและมีเข็มชี้ สามารถใช้ดูความสูงของเท้าได้ เอามาวัดที่เท้าตรงส่วนของนิ้วโป้งและนิ้วก้อย
ช่างได้แปลผลให้ผมฟังว่า เท้าของผมมีปุ่มกระดูกที่ข้างซ้ายเยอะกว่าค่าปกติ ทำให้ผมมักจะมีอาการเจ็บส่วนนิ้วโป้งเท้าซ้าย แต่เท้าขวาผมปกติ ส่งผลให้เวลาใส่รองเท้า หน้าเท้าซ้ายจะคับเกินไป
ซึ่งผมพอจะทราบอยู่บ้างตั้งแต่ตอนที่ไปตัดที่ THREE Shoes แต่ในรอบนี้ ทางช่างแนะนำว่าถ้าผมอยากจะใส่รองเท้าให้สบายควรเพิ่มส่วนนี้ให้มันไม่รัดเท้าเกินไป

การวัดส่วน Instep
เมื่อจบบริเวณด้านหน้าเท้าข้างซ้าย ทางช่างจะเริ่มมาวัดส่วนของ Instep ซึ่งทางช่างจะเริ่มจากการวัดด้วยสายวัดเพื่อดูขนาด และใช้ Engineer Scribe แต่ในรอบนี้มีการใช้ Profile Gauge
Profile Gauge คือเครื่องวัดความลึก วิธีใช้คือ กดเครื่องลองบนส่วนของ Instep แล้วจึงนำเครื่องไปทาบกับกระดาษแล้ววาดเส้นเพื่อดูส่วนเว้าส่วนโค้ง
นอกจากนี้ ทางช่างจะทำการหาตำแหน่งของ Instep ของเราด้วย เพื่อจะวิเคราะห์ว่ารองเท้าของเราจะต้องนูนที่ระดับไหน ถึงจะทำให้ไม่กดทับส่วนของ Instep
ทางช่างวิเคราะห์ว่าเท้าของผมเป็น High Instep ซึ่งเป็นลักษณะที่มี Instep สูงกว่าเท้าคนที่ไป ทำให้เท้าดูอูมและมักจะประสบปัญหาเวลาใส่ Loafer แล้วติด Instep หรือใส่ Oxfords แล้วมัดเชือกปิดไม่สนิท
ซึ่งคำแนะนำคือ เลือก Tassel Loafer หรือ Boat Shoe จะสบายกว่าการใส่ Penny Loafer ที่มี Strap มากดหน้าเท้าจนปวด
ถ้าชอบแบบผูกเชือก สามารถเลือก Derby หรือ Blucher แทนการใส่ Oxfords ที่ระบบเชือกเป็นแบบปิดจนทำให้รัด Instep
ผมเลยพึ่งเข้าใจว่าทำไมถึงชอบ Split-toe Blucher มากเพราะรู้สึกใส่สบายกว่า Oxfords เป็นเพราะผมมี High Instep นี่เอง

การวัดส่วน Heel
การวัด Heel จะต้องวัดด้วยสายวัด ร่วมกับการใช้ดินสอในการวัดส่วนสูงของเท้า เนื่องจากมีตำแหน่งเฉพาะที่ต้องดูหลายจุด
การวัด Heel หรือส้นเท้า ช่างจะทำการวัด 2 ตำแหน่งเพื่อความแม่นยำ คือ
- Low Heel ส่วนส้นติดกับ Instep
- High Heel ส่วนส้นเหนือตาตุ่ม
เนื่องจากกรณีที่เราตัดรองเท้าโดยทั่วไป รองเท้าควรจะต้องมีส่วนโค้งไล่ไปตามส่วนของข้อเท้า โดยเฉพาะส่วนของตาตุ่ม (Talus) ซึ่งมักเสียดสีกับรองเท้าจนเกิดภาวะ รองเท้ากัด
ดังนั้น ต้องทำการวัดสองตำแหน่งเพื่อทำหุ่นที่มีความพอดีกับเท้า จะได้นำมาขึ้นหนังรองเท้าได้อย่างแม่นยำ

หลังจากที่วัดส่วน Low + High Heel แล้ว ทางช่างจะทำการวัดจุด Center ของหลังเท้าเรา เพื่อหาจุดที่นูนที่สุด
รองเท้าที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่รับกับส้นเราพอดี จะทำให้รองเท้าไม่หลุดออกมาในระหว่างวัน หากรองเท้าไม่มีส่วนนูน เวลาเดินจะทำให้รองเท้าเราหลุดตลอดเวลา
ทางช่างอธิบายว่าผม ส้นเท้าเล็ก ซึ่งเป็นลักษณะของชาวเอเซียที่มีข้อเท้าเล็ก แต่หน้าเท้ากว้าง หากผมไปใส่รองเท้าของ อังกฤษ, เยอรมัน, ฮังการี หรืออเมริกาบางแบรนด์ มักจะทำให้รองเท้าหลุดระหว่างเดินได้ง่าย

การวัดลักษณะฝ่าเท้า
เมื่อเราได้ข้อมูลทั้งหมดในส่วนของด้านบน ช่างจะทำการวัดลักษณะของฝ่าเท้าเราได้ Pedigraph เพื่อดูว่าเราเป็นเท้าลักษณะใด
- Normal Foot ฝ่าเท้าปกติ
- Flat Foot ฝ่าเท้าแบน ส่วนของอุ้งเท้าจะแบนราบติดกับพื้น
- Hollow Foot อุ้งเท้าสูง น้ำหนักจะลงส่วนหน้าเท้าและส้นเท้า แต่ไม่ลงอุ้งเท้า
การวัดด้วย Pedigraph จะทำให้เราเห็นการลงน้ำหนักลงบนฝ่าเท้า ซึ่งช่างจะนำข้อมูลฝ่าเท้าไปทำพื้นของ Last (หุ่นรองเท้า) ทำให้แนบกับฝ่าเท้าเราได้ดียิ่งขึ้น
ช่างแปลผลการวัดเท้าของผมออกมาว่าเป็นฝ่าเท้าปกติ ซึ่งถือว่าดี เพราะจะไม่มีปัญหาต่อสรีระและบุคลิกภาพในการเดินของนั่นเอง

ข้อมูลการวัดด้วย Pedigraph จะออกมาในลักษณะของ Footprint จุดที่มีการลงน้ำหนักเยอะก็จะมีลักษณะที่เข้ม ซึ่งการกระจายน้ำหนักที่ฝ่าเท้าของผมเป็นแบบปกติ

การวัดสำหรับการตัดบูท
หากเราตัดรองเท้าบูท เราจะต้องพูดคุยกับทางช่างให้เรียบร้อยก่อนว่าต้องการรองเท้าบูท ทางช่างเองก็จะทำการวัดเส้นรอบเท้าของเราเพิ่มเติม
การวัดจะต้องกำหนดความสูงของบูทก่อน หลังจากได้ความสูงที่ต้องการแล้ว จะทำการวัดเส้นรอบขาตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้มีความพอดี

วัดเท้าเสร็จต้องทำอะไรต่อ
หลังจากได้ Foot Profile แล้ว เราจะต้องกำหนด Specification ของรองเท้าให้กับทางร้าน เพื่อที่ทางร้านจะนำไปทำ Last และตัดรองเท้าตัวต้นแบบมาให้เราทดลอง
ซึ่งผมเองชอบ Chiseled Toe มาก เพราะมันดูเซ็กซี่ และชอบให้เข้าเอวรองเท้าแบบคอดมากเป็นพิเศษ ผมเลยกำหนดโจทย์ให้เค้าว่า ขอให้เป็นรองเท้าที่เซ็กซี่และใส่ใช้งานได้ เดี๋ยวมาลองดูกันในอีก 2 เดือนว่าจะออกมาแบบไหนกันครับ
สนับสนุน Shineable.co
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจจะช่วยสนับสนุนค่าผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าให้กับผม สามารถบริจาคผ่านช่องทาง QR code นี้ได้เลยครับ
